The Anarchy การต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์อังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 12

blog 2024-12-20 0Browse 0
 The Anarchy การต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์อังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 12

“The Anarchy”, หรือสงครามกลางเมืองระหว่าง สตีเฟ่นและมาติลดา คือนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาอันโกลาหลของประวัติศาสตร์อังกฤษในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าเฮนรีที่ 1 ในปี ค.ศ. 1135 ซึ่งทรงไม่มีทายาทชายโดยตรง พระราชโอรสทั้งสองของพระองค์ สจ๊วต และวิลเลียม ไม่ได้ถึงวัยอันควรที่จะขึ้นครองบัลลังก์

ความไม่แน่นอนทางการเมืองทำให้เกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่าง สเตฟเฟ่นแห่งบลัวส์ หลานชายของพระเจ้าเฮนรีที่ 1 และ มาติลดา ฟิตซ์รอย อีกทั้งยังเป็นธิดาของพระเจ้าเฮนรีที่ 1 และเป็นผู้มีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการครองราชย์

การต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์อังกฤษนี้กินเวลายาวนานกว่า 19 ปี (1135-1153) ทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองที่โหดร้าย ทั้งสองฝ่ายต่างทำสงครามกันอย่างดุเดือด

สเตฟเฟ่นขึ้นครองบัลลังก์ในปี ค.ศ. 1135 หลังจากได้รับการสนับสนุนจากขุนนางอังกฤษส่วนใหญ่ ในขณะที่ มาติลดา มีผู้สนับสนุนเป็นจำนวนมากในฝรั่งเศสและเวลส์

สเตฟเฟ่นถูกท้าทายโดยมาติลดาอย่างต่อเนื่อง และสงครามกลางเมืองก็ดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง การต่อสู้ครั้งนี้มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตของประชาชนชาวอังกฤษ ความรุนแรงและความอดอยากแพร่หลายไปทั่วดินแดน

ในปี ค.ศ. 1141 มาติลดาเข้ายึดครองกรุงลอนดอน และถูกสถาปนาเป็นราชินี แต่การครองราชย์ของมาติลดาค่อนข้างสั้น หลังจากนั้น สเตฟเฟ่นก็สามารถยึดอำนาจกลับคืนมาได้

ในที่สุด สเตฟเฟ่นและมาติลดาตกลงที่จะยุติสงครามด้วยสนธิสัญญาที่เรียกว่า “Treaty of Wallingford” ในปี ค.ศ. 1153 สนธิสัญญานี้ได้แต่งตั้งเฮนรีบุตรชายของมาติลดาขึ้นเป็นรัชทายาท และสเตฟเฟ่นก็สละราชสมบัติ

การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองที่เกิดจาก The Anarchy

The Anarchy ไม่เพียงแต่เป็นสงครามกลางเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นยุคแห่งความปั่นป่วนและการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอังกฤษ

  • ความเสื่อมถอยของอำนาจศักดินา: สงครามกลางเมืองทำให้ขุนนางหลายคนเสียชีวิต และทรัพย์สินถูกทำลายไปจำนวนมาก สิ่งนี้ส่งผลให้ความแข็งแกร่งของระบบศักดินาอ่อนแอลง
  • การลุกขึ้นต่อต้านจากชาวนา: The Anarchy ทำให้ราษฎรที่ impoverished ลุกขึ้นต่อต้านและก่อจลาจล
สาเหตุ ผลกระทบ
การแย่งชิงอำนาจระหว่าง สเตฟเฟ่นและมาติลดา ความรุนแรง การทำลายข้าวของ และความอดอยาก
สงครามกลางเมืองกินเวลายาวนาน ความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ
  • การเพิ่มขึ้นของอำนาจของกษัตริย์: ในระยะยาว The Anarchy ทำให้เกิดการรวมศูนย์อำนาจในมือของกษัตริย์

การวิเคราะห์เชิงลึก

The Anarchy เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อังกฤษ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงและความโกลาหลอย่างมาก สงครามกลางเมืองนี้มีผลกระทบต่อทุกระดับของสังคม

  • ด้านการเมือง: The Anarchy ทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองอย่างรุนแรง

  • ด้านเศรษฐกิจ: สงครามกลางเมืองส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจโดยทำลายทรัพย์สินและทำให้การค้าหยุดชะงัก

  • ด้านสังคม: The Anarchy ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมอังกฤษ

แม้ว่า The Anarchy จะเป็นช่วงเวลาที่โหดร้าย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญในการพัฒนาของประเทศอังกฤษ

The Anarchy เป็นตัวอย่างของความซับซ้อนและความไม่แน่นอนในประวัติศาสตร์ มันสอนเราถึงความสำคัญของความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ

TAGS