
หากคุณคิดว่าเทศกาลสงกรานต์ที่บ้านเราใหญ่แล้ว ลองมาดูเทศกาลอุรุกไฮสของชาวอินคาในศตวรรษที่ 3 กัน! ไม่ใช่แค่การเล่นน้ำ หรือทิ้งสีกันสนุกสนานเท่านั้น แต่เป็นพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความหมายทางศาสนา มีการบูชาเทพเจ้า Pachamama เทพธิดาแห่งแผ่นดิน และ Supay เทพเจ้าแห่งความมืด
เทศกาลนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมชาวอินคา ซึ่งเป็นอารยธรรมโบราณที่เจริญรุ่งเรืองในทวีปอเมริกาใต้ ชาวอินคาให้ความสำคัญกับการเกษตรเป็นอย่างมาก และเชื่อว่า Pachamama เป็นผู้ดูแลความอุดมสมบูรณ์ของพืชผล
สาเหตุของเทศกาลอุรุกไฮส
เทศกาลนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากความเชื่อในเทพเจ้า Pachamama และ Supay ชาวอินคาถือว่า Supay เป็นตัวแทนแห่งความมืดและความไม่สมดุล ในขณะที่ Pachamama คือผู้ให้กำเนิดและความอุดมสมบูรณ์
เทศกาลอุรุกไฮสถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการไหว้ขอพร Pachamama ให้ประทานพืชผลที่อุดมสมบูรณ์ และเพื่อดับความรุนแรงของ Supay ชาวอินคาเชื่อว่าหากไม่ได้รับการไถ่โทษ Supay จะก่อความเสียหายให้กับพืชผล
พิธีกรรมและกิจกรรมในเทศกาล
เทศกาลอุรุกไฮสดำเนินไปหลายวัน และเต็มไปด้วยพิธีกรรมที่หลากหลาย เช่น:
-
การบูชา Pachamama: ชาวอินคาจะนำเครื่องเซ่นต่างๆ เช่น ข้าว ข้าวโพด และผลไม้ไปถวาย Pachamama
-
การเต้นรำและดนตรี: การเต้นรำและดนตรีเป็นส่วนสำคัญของเทศกาลนี้ ชาวอินคาจะร่วมกันร้องเพลงและเต้นรำเพื่อให้ Pachamama สนพระทัย
-
การเผาเครื่อง tế: ชาวอินคาจะจุดไฟทำพิธีเผาเครื่อง tế ซึ่งอาจประกอบด้วยอาหาร เครื่องดื่ม และวัตถุอื่นๆ
-
การฝึกสอน: การฝึกสอนของ Supay เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของเทศกาลนี้
ความหมายและผลกระทบ
เทศกาลอุรุกไฮสมีมากกว่าเป็นเพียงงานเฉลิมฉลองเท่านั้น มันยังเป็นสัญลักษณ์ของความสมดุลระหว่างความดีและความชั่ว
ชาวอินคาเชื่อว่า Supay เป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นต่อจักรวาล โดยการดับความรุนแรงของ Supay ชาวอินคาสามารถรักษาความสมดุลในโลก และรับประกันความอุดมสมบูรณ์
เทศกาลนี้ยังช่วยให้ชุมชนชาวอินคามีความสามัคคีกันมากขึ้น เพราะทุกคนต่างมาร่วมกันไหว้ขอพร Pachamama และร่วมเฉลิมฉลองด้วยกัน
ตารางสรุปเทศกาลอุรุกไฮส
ลักษณะ | ข้อมูล |
---|---|
ชื่อ | เทศกาลอุรุกไฮส |
สถานที่ | อันเดส โคลัมเบีย |
เวลา | ศตวรรษที่ 3 |
ประเพณี | การบูชา Pachamama และ Supay |
เทศกาลอุรุกไฮสเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของชาวอินคา
แม้ว่าจะผ่านไปหลายศตวรรษแล้ว แต่เทศกาลนี้ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อเมริกาใต้ และเป็นเครื่องยืนยันถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่น่ามหัศจรรย์