
ปี ค.ศ. 1857 มหาวิหารที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิบริติชได้สะท้านด้วยแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง การจลาจลของซิปาฮี ซึ่งเป็นกองกำลังทหารพื้นเมืองของบริษัทอินเดียตะวันออก อังกฤษ เกิดขึ้นและแผ่กระจายไปทั่วภูมิภาคเหนือของอินเดีย ความโกรธแค้นที่สะสมมานานจากการปกครองอาณานิคมที่ไม่ยุติธรรม การปฏิบัติที่ดูหมิ่น และความหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาได้จุดชนวนให้เกิด conflagration ของความโกรธ
สาเหตุของการจลาจลซิปาฮีนั้นมีหลายประการ
-
กระสุนปืน Enfields ที่ถกเถียงกัน: เหตุการณ์หลักที่จุดชนวนการจลาจลคือการนำกระสุนปืน Enfields รุ่นใหม่มาใช้ กระสุนปืนเหล่านี้ต้องถูกกัดด้วยปากเพื่อโหลดเข้าไปในปืน ซึ่งทำให้ซิปาฮีชาวมุสลิมและชาวฮินดูไม่พอใจ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าไขมันที่เคลือบกระสุนปืนนั้นมาจากหมู (สำหรับชาวมุสลิม) หรือวัว (สำหรับชาวฮินดู) ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามตามศาสนาของพวกเขา
-
การเหยียดเชื้อชาติและการเลือกปฏิบัติ: ซิปาฮีถูกมองว่าเป็นชนชั้นที่ต่ำกว่าโดยเจ้าหน้าที่อังกฤษ พวกเขาได้รับเงินเดือนที่น้อยกว่า ทรัพยากรที่ไม่เพียงพอ และถูกปฏิบัติอย่างหยาบคาย ซิปาฮีชาวอินเดียจึงรู้สึกว่าพวกตนถูกกดขี่และไม่มีสิทธิเท่าเทียมกับชาวอังกฤษ
-
ความล้มเหลวในการเข้าใจ: นอกจากปัญหาการเลือกปฏิบัติแล้ว การสื่อสารที่ไม่ดีระหว่างผู้ปกครองชาวอังกฤษและซิปาฮีก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการจลาจล ตัวอย่างเช่น การประกาศใช้กฎหมายใหม่ที่ไม่มีการอธิบายอย่างชัดเจน หรือการละเลยคำร้องเรียนของซิปาฮี ทำให้เกิดความขุ่นเคืองและความไม่ไว้วางใจ
-
ความหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางศาสนา: มีข่าวลือแพร่กระจายไปในหมู่ซิปาฮีว่า รัฐบาลอังกฤษต้องการบังคับให้พวกเขา改宗เป็นคริสต์ศาสนา ข่าวลือนี้ทำให้เกิดความตื่นตระหนกและความไม่ไว้วางใจต่ออำนาจของชาวอังกฤษ
การจลาจลเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1857 ที่เมือง Meerut
ซิปาฮี 85 คนปฏิเสธที่จะยิงกระสุนปืน Enfields และถูกจำคุก ซิปาฮีคนอื่นๆ ได้ลุกขึ้นต่อต้านการลงโทษที่ไม่เป็นธรรม และปล่อยซิปาฮีที่ถูกจับ
การจลาจลได้แพร่กระจายไปทั่วอินเดียเหนืออย่างรวดเร็ว เมือง Delhi, Lucknow, Kanpur และ Jhansi ตกอยู่ในอำนาจของผู้กบฏ
ผู้กบฏชาวอินเดียได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในท้องถิ่นจำนวนมาก พวกเขารู้สึกว่าการต่อต้านอังกฤษเป็นโอกาสในการหลุดพ้นจากการปกครองอาณานิคม
อย่างไรก็ตาม การจลาจลของซิปาฮีถูกกดขี่ลงด้วยความรุนแรงโดยกองทัพบริติช
-
ความแตกแยกร dintre ผู้กบฏ: ผู้กบฏขาดความสามัคคีและการวางแผนที่เป็นระบบ พวกเขามีอาวุธที่ล้าสมัย และมักถูกแบ่งแยกโดยความขัดแย้งทางศาสนา
-
การตอบโต้ที่รุนแรงของชาวอังกฤษ: กองทัพบริติชใช้ความโหดร้ายในการปราบปรามผู้กบฏ พวกเขาเผาทำลายหมู่บ้าน การประหารชีวิตผู้คนจำนวนมาก และใช้วิธีอื่นๆ ที่โหดร้ายเพื่อทำให้การจลาจลสงบลง
-
การขาดการสนับสนุนจากต่างชาติ: ผู้กบฏชาวอินเดียไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นระบบจากประเทศใดในยุโรป
การจลาจลของซิปาฮีสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1858 หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานและรุนแรง
ผลที่ตามมาของการจลาจล:
-
การปกครองโดยตรง: หลังจากการจลาจล อังกฤษได้ยุบองค์กร บริษัทอินเดียตะวันออก และยึดครองอินเดียโดยตรง
-
การปฏิรูปทางทหารและการบริหาร: อังกฤษได้ปฏิรูปกองทัพของตนและระบบบริหาร เพื่อลดความไม่พอใจของชาวอินเดีย
-
การเกิดขึ้นของชาตินิยมอินเดีย: การจลาจลทำให้เกิดความรู้สึกชาตินิยมในหมู่คนอินเดีย และปลุกให้พวกเขาต่อสู้เพื่อเอกราช
Timeline ของ การจลาจลของซิปาฮี:
ปี | เหตุการณ์ |
---|---|
1857 | กองทัพซิปาฮีปฏิเสธที่จะยิงกระสุนปืน Enfields ที่ Meerut |
1857 | การจลาจลแพร่กระจายไปทั่วอินเดียเหนือ Delhi, Lucknow, Kanpur และ Jhansi ตกอยู่ในอำนาจของผู้กบฏ |
1858 | การจลาจลสิ้นสุดลง อังกฤษยึดครองอินเดียโดยตรง |
การจลาจลของซิปาฮีเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์อินเดียสมัยอาณานิคม
มันแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจอย่างรุนแรงของชาวอินเดียที่มีต่อการปกครองของอังกฤษ และนำไปสู่การปฏิรูปครั้งใหญ่ในระบบปกครองของอินเดีย การจลาจลนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการชาตินิยมอินเดีย ที่นำไปสู่การได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1947
แม้ว่าจะสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ แต่การจลาจลของซิปาฮีก็ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้คนอินเดียต่อสู้เพื่อเสรีภาพและความยุติธรรมในวันนี้